ประวัติความเป็นมาหว้ากอ...เป็นสถานที่ประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทรงพิสูจน์การเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงในวันที 18 สิงหาคม 2411 ซึ่งทรงคำนวนไว้ล่วงหน้าถึง 2 ปี เป็นที่ยอมรับของนานาประเทศ พระองค์ทรงใช้พระปรีชาสามารถนำความรู้วิชาการด้านวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ นำการเมืองทำให้ประเทศชาติปลอดภัย ไม่ตกเป็นอาณานิคมของประเทศมหาอำนาจ
คณะรัฐมนตรีมีมติความเห็นชอบในหลักการเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2532 ให้ดำเนินโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้าฯและในวันที่ 3 พฤษภาคม 2533 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานนามว่า อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศจัดตั้งเป็นสถานศึกษา สังกัดกรมการศึกษานอกโรงเรียน เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2536
อาคารดาราศาสตร์ อาคารดาราศาสตร์ ประกอบด้วยอาคาร 3 หลังเชื่อมต่อกัน คือ อาคารพันทิวาทิต พันพินิจจันทรา ดาราทัศนีย์ มีฐานการเรียนรู้ 11 ฐานการเรียน ได้แก่ บันทึกเกียรติยศ, โลกอนาคต, เทคโนโลยีเพื่ออาชีพ, โลกของเด็ก, ฟากฟ้า ณ หว้ากอ, พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย, มนุษย์กับดวงดาว, พระมหากษัตริย์ราชวงศ์ไทยกับดาราศาสตร์, รวมใจชาวประจวบ, ความเป็นไปในจักวาลและเทคโนโลยีอวกาศและเอกภพ
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ สัมผัสกับมหัศจรรย์โลกใต้น้ำ มีทั้งสีสันความสวยงามของสัตว์น้ำหลากหลายชนิด ทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มในมิติใหม่ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ ภายในแบ่งพื้นที่เป็น 6 ส่วน คือ ส่วนอัศจรรย์โลกสีคราม, ส่วนจากขุนเขาสู่สายน้ำ, ส่วนสีสันแห่งท้องทะเล, ส่วนเปิดโลกใต้ทะเล, ส่วนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและส่วนกิจกรรมปฏิบัติการ
กิจกรรมของค่ายหว้ากอ ต.คลองวาฬ จ.ประจวบ
1. พบกับบรรยากาศแบบสบายๆ เป็นกันเอง ได้ทั้งความรู้ความสนุกสนาน ได้ฝึกทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน การรู้จักเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ การเป็นผู้นำและผู้ตามที่ดี มีความสามัคคี การตรงต่อเวลาและอื่นๆ อีกมากมาย
2. พบกับกิจกรรมหลากหลาย เช่น พิธีถวายสักการะรัชกาลที่ 4 กิจกรรมดูนก ดูดาว กิจกรรมศึกษาฐานการเรียนรู้ กิจกรรม Walk Rally กิจกรรมชายหาด กิจกรรมนันทนาการ กิจกรรมกลุ่มสัมพันธ์ ฯลฯ
นอกจากนี้ยังมี big tank และอุโมงค์ปลา ที่มีสัตว์น้ำต่างๆ ให้เราได้เรียนรู้ และเห็นถึงความแตกต่างของสรรพสิ่งในระดับความลึกของน้ำราวดำดิ่งสู่ก้นทะเลลึก จากนั้นไปต่อกันที่อุโมงค์ปลาซึ่งเป็นแห่งแรกในเมืองไทย ให้คุณสัมผัสดุจดั่งกำลังเดินอยู่ใต้ท้องทะเลเลยทีเดียว
3. มีที่พักสะอาดบรรยากาศติดทะเล สามารถรองรับสมาชิกได้ประมาณครั้งละ 120-200 คน มีทั้งห้องพักและเต้นท์ ห้องพักเป็นแบบห้องพักรวม แยกชายหญิง ห้องพักพัดลม มีห้องน้ำอยู่นอกห้องพักหลังอาคารพัก
4. มีอาหาร น้ำดื่ม บริการในราคาแบบเป็นกันเอง
หลักสูตรที่เปิดให้บริการในปัจจุบัน
1.ค่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2.ค่ายสิ่งแวดล้อม 3.ค่ายสอนน้องดูดาว 4.ค่ายปักษี 5.ค่ายอนุรักษ์พลังงาน
6.ค่ายพัฒนาคุณภาพชีวิต 7.ค่าสำหรับเด็กพิการ 8.ค่ายครอบครัว 9. ค่ายทักษะชีวิต
ค่าใช้จ่ายในการเข้าค่ายตลอดหลักสูตร 3 วัน 2 คืน รวมค่าอาหาร ที่พัก วัสดุอุปกรณ์และค่าตอบแทนวิทยากรประมาณ 250-300 บาท/คน สามารถจองค่ายและสอบถามรายละเอียดได้ที่ งานการตลาด โทร. 032 661 098, 032 661 726, 032 661 104 ในวันและเวลาราชการ
สวนผีเสื้อ อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผีเสื้อพันธุ์พื้นเมืองให้คุณได้ชื่นชมมากกว่า 20 ชนิด บรรยากาศภายในสวนร่มรื่น มีมุมนั่งพักผ่อนชมปลาแหวกว่ายเวียนวน และดูน้ำตกสวยๆ เพียบพร้อมด้วยเกร็ดความรู้ให้คุณได้ศึกษา เกี่ยวกับวงจรชีวิตผีเสื้อในห้องจัดแสดงวงจรชีวิตผีเสื้อ ซึ่งคุณจะเรียนรู้เกี่ยวกับวงจรชีวิตของผีเสื้อครบทั้ง 4 ระยะ นอกจากนี้ยังมีศาลาแห่งชีวิตและมีตัวอย่างผีเสื้อที่เก็บรักษาไว้ให้คุณได้ศึกษาอีกด้วย
เวลาทำการ
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดให้ประชาชนเข้าชมทุกวัน
ไม่เว้นวันหยุดราชการ ตั้งแต่เวลา 09.00-16.00 น.
การเข้าชมเป็นหมู่คณะ : สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ ชมรม สมาคมฯ ประสงค์เข้าชมเป็นหมู่คณะ โปรดทำหนังสือติดต่อล่วงหน้าในเวลาราชการ โดยทำหนังสือส่งถึง : ผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หมู่ 4 ต.คลองวาฬ อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77000 โทร. 032 661 098, 032 661 726, 032 661 104 โทรสาน. 032 661 727 www.nfe.go.th/waghor E-mail : waghor@hotmail.com
คัดลอกจากเอกสารอุทยานวิทยาศสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อ 100 กว่าปี ล่วงมาแล้วพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง ในวันที่ 18 สิงหาคม 2411 จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนชาวไทยและทั่วโลก ได้ทราบถึงพระอัจฉริยภาพทางด้านวิทยาศาสตร์และดาราศาสตร์ จึงถวายพระราชสมัญญานามแด่พระองค์ว่า "พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย"
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไดัรับพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จัดสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ บ้านหว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ได้ทรงเสด็จพระราชดำเนินมาวางศิลาฤกษ์ใน วันที่14 กันยายน 2525 และต่อมาคณะรัฐมนตรีมีมติให้ ดำเนินการโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ปี 2532 จนกระทั่งกระทรวงศึกษาธิการ ได้ประกาศจัดตั้งเป็นสถานศึกษาสังกัดการศึกษานอกโรงเรียน กระทรวงศึกษาธิการเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2536
สถานที่ตั้ง อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ (อวจ.) ตั้งอยู่ริมอ่าวหว้ากอ หมู่ 4 ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รหัสไปรษณีย์ 77000 บริเวณกิโลเมตรที่ 335 ถนนเพชรเกษม ห่างจากตัวเมืองประจวบคีรีขันธ์ ไปทางทิศใต้ ประมาณ 10 กิโลเมตร ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 314 กิโลเมตร มีเนื้อที่ตามโฉนดที่ดินจำนวน 485 ไร่ 1 งาน 56.2 ตารางวา อยู่ติดชายทะเลบริเวณอ่าวหว้ากอ มีชายหาดยาว 2.7 กิโลเมตร ขนานทางรถไฟสายใต้ สามารถติดต่อทางโทรศัพท์ หมายเลข (032) 661098, 661726-7,661103 โทรสาร ต่อ 133
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ตั้งขึ้นตามแผนหลักของโครงการอุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อเป็นศูนย์การเรียนรู้ และวิจัยด้านวิทยาศาสตร์ทางทะเลธรรมชาติวิทยาและสิ่งแวดล้อมควบคู่กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์
เริ่มดำเนินดารก่อสร้าง มาตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2543 กำหนดแล้วเสร็จ ในวันที่ 27 มีนาคม 2545 ใช้งบประมาณ ในการก่อสร้างจำนวน 164 ล้านบาท หลังจากก่อสร้างเสร็จก็จะจัด นิทรรศการและการแสดง ภายในเวลา 1 ปี การบริหารจัดการจะเป็นการดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน คาดว่าจะเปิดบริการให้เข้าชมได้ในปี 2547
วัตถุประสงค์ของการสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การศึกษา สิ่งมีชีวิตในน้ำทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม ในประเทศและต่างประเทศ โดยได้รับความร่วมมือ อย่างดีจากกรมประมงและสถาบัน วิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
การเดินทางไปอุทยานวิทยาศาสตร์
ทางรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ท่านสามารถขับรถโดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 ( สายธนบุรี ปากท่อ ) ผ่านทาง จังหวัดสมุทรสงคราม แล้วเลี่ยวซ้าย สู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 ( ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัด เพชรบุรี และอำเภอหัวหิน มุ่งสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ รวมระยะทาง 281 กิโลเมตร หรืออาจจะเดินทาง จากกรุงเทพ มาทางสายพุทธมณฑล ผ่านจังหวัดนครปฐม ราชบุรี แล้วมุ่งสู่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ด้วยระยะทางประมาณ 320 กิโลเมตร ต่อจากนั้นเดินทางต่อไปยังอุทยานวิทยาศาตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดไปทางทิศใต้ประมาณ 10 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง สามารถเดินทางได้โดยรถประจำทางธรรมดาและรถประจำทางปรับอากาศ จากสถานีขนส่งสายใต้ โดยรถประจำทางสายกรุงเทพ-หัวหิน-ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีรถออกเดินทางวันละหลายเที่ยว
ทางรถไฟ เดินทางออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ถึงประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งมีขบวนรถเดินทางวันละ 9 เที่ยว
อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ
- เปิดทุกวัน เวลา 09.00 16.00 น.
- มีเอกสารแจกและมีเจ้าหน้าที่ประจำพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และอาคารฐานการเรียนการสอน ติดต่อสอบถามงานนำชมส่วนวิชาการ
- มีหอพักและเต็นท์บริการสำหรับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่เข้าร่วมกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์
หว้ากอเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์ไทยรัชกาลที่ 4 เคยเสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่นี่ รัฐบาลจึงจัดตั้งให้หว้ากอเป็นศูนย์กลางการศึกษาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยเน้นด้านดาราศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา และวิทยาศาสตร์ทางทะเล
ที่ตั้ง บ้านหว้ากอ ต.คลองวาฬ อ.เมือง ห่างจากย่านตัวเมืองประจวบฯ ไปตามถนนเลียบชายทะเล 10 กม. หรือไปตาม ถ.เพชรเกษม 15 กม.
รถยนต์ส่วนตัว จาก อ.เมือง ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ไปทาง อ.ทับสะแก ตรงไปจนถึงหลัก กม. 335 มีทางแบกซ้ายและป้ายบอกทางไปอุทยานฯ เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทางอีก 3 กม. เมื่อข้ามทางรถไฟก็จะถึง
รถรับจ้าง เหมารถสองแถวจากตลอกสด ราคา 100 บาท
ประวัติ ในปี พ.ศ. 2525 รัฐบาลได้มีมติให้สร้างอุทยานวิทยาศาสตร์ขึ้นในบริเวณดังกล่าว มีพื้นที่ 500 ไร่ เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นสถานศึกษาและวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ตลอดจนเผยแพร่ความรู้ให้แก่ประชาชนทั่วไป นอกจากนี้ในอนาคตจะมีโครงการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เพื่อเป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศบริเวณฝั่งตะวันตกของอ่าวไทย และพิพิธภัณฑ์บ้านหว้ากอ เพื่อเป็นที่รวบรวมประวัติศาสตร์เกี่ยวกับบ้านหว้ากอ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ได้เสด็จมาวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2543
สิ่งน่าสนใจ พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ตั้งอยู่กึ่งกลางของพื้นที่ส่วนที่แคบที่สุดในประเทศ และเคยเป็นที่ตั้งค่ายหลวงที่รัชกาลที่ 4 เสด็จประทับเพื่อทอดพระเนตรสุริยุปราคา พระบรมราชานุสาวรีย์ตั้งอยู่บนฐานหินแกรนิต อยู่บนเนินดินสูง 12 ม. ซึ่งปูหญ้าเขียวขจี พระบรมรูปหล่อด้วยโลหะสำริด มีขนาดเท่าครึ่งของพระองค์จริง ประทับบนพระเก้าอี้ ฉลองพระองค์เครื่องแบบทหารเรือ ซึ่งเป็นชุดเดียวกับวันที่เสด็จมายังบ้านหว้ากอ หันพระพักตร์ไปทางด้านทิศตะวันออกหรือด้านหาดหว้ากอ สมเด็จพระบรมโอรสธิราชฯ ได้เสด็จฯ ทรงวางศิลาฤกษ์พระราชานุสาวรีย์ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2525
ทุกวันที่ 18 ส.ค. ของทุกปี ซึ่งเป็นวันวิทยาศาสตร์ไทย จะมีหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมาถวายเครื่องราชสักการะและน้อมรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระจอม-เกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย
พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์พระจอมเกล้าฯ เป็นศูนย์กลางการศึกษาและวิจัยทางด้านดาราศาสตร์และอวกาศ ให้บริการข้อมูลและเผยแพร่ความรู้ด้านดาราศาสตร์และอวกาศ โดยได้รับความร่วมมือจากสถาบันอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ ภายในจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับดาราศาสตร์และอวกาศในพื้นที่ประมาณ 1,000 ตร.ม. เช่น เรื่องความเข้มของพลังงาน พลังงานแสงอาทิตย์ สถานีอวกาศ ห้องทดลองในอวกาศ มีรายละเอียดดังนี้
ชั้นที่ 1 ประกอบด้วยห้องอาหาร ร้านขายที่ระลึก ห้องทดสอบเชาว์ปัญญาของเด็ก ซึ่งมีเกมและหนังสือนิทานให้เด็กได้ร่วมกิจกรรม และห้องสมุดวชิรญาณ ซึ่งเป็นสถานีที่รวบรวมพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 4
ชั้นที่ 2 ประกอบด้วยห้องจัดแสดงนิทรรศการต่างๆ มีการจำลองชุดอวกาศของนักบินอวกาศที่ไปสำรวจดวงจันทร์ โทรทัศน์วงจรปิดให้ความรู้เรื่องดาราศาสตร์ และเกมคำถามให้นักท่องเที่ยวได้เล่นทายคำถาม ที่น่าสนใจคือ การจำลองยานอวกาศ และท้องฟ้าจำลองขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 15 ม. จุผู้ชมได้ประมาณ 200 คน นอกจากนี้ยังมีการจำลองวิวัฒนาการของโลกตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์จนถึงปัจจุบัน และการจำลองระบบสุริยจักรวาลประกอบแสงสีสวยงาม ให้ความรู้สึกเสมือนหนึ่งเราอยู่ในห้วงอวกาศ และมีหอดูดาวอันทันสมัย ซึ่งมีการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ เมื่อเกิดปรากฏการณ์สำคัญ เช่น สุริยุปราคา จันทรุปราคา เป็นต้น
ที่ชั้นนี้ยังมีประบรมรูปหุ่นขี้ผึ้งรัชกาลที่ 4 ขนาดเท่าพระองค์จริง และได้จำลองเครื่องใช้ที่พระองค์ทรงใช้ในการคำนวณสุริยุปราคาจัดแสดงให้ชมด้วย
พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เป็นอาคารที่จัดแสดงสัตว์น้ำในตู้กระจกขนาดใหญ่ หรือที่เรียกว่า อะควาเรี่ยมที่ทันสมัย มีอุโมงค์กระจกลอดผ่านไปในบ่อเลี้ยงปลาด้วย ภายในอาคารกำหนดให้เดินชมผ่านตู้ปลาต่างๆ ดังนี้
ช่วงแรก จัดแสดงระบบนิเวศน้ำจืด และระบบนิเวศชายฝั่งทะเล ป่าชายเลน และแนวปะการังน้ำตื้น
ช่วงที่ 2 จัดแสดงให้ทะเลลึกใหญ่ท่อกระจกใสทรงกระบอกขนาดใหญ่ มีปลาชนิดต่างๆ ให้ชม ช่วงสุดท้ายเป็นอุโมงค์กระจกใสลอดใต้บ่อเลี้ยงปลาทะเลยาว 20 ม. ผู้เข้าชมจะได้เห็นบรรยากาศใต้ท้องทะเลลึกโดยไม่ต้องดำน้ำลงไป
ชายทะเลบริเวณชายทะเลของอุทยานฯ มีชายหาดที่สวยงามต่อเนื่องจากหาดคลองวาฬ ยาวประมาณ 2 กม. หาดทรายขาวสะอาด น้ำทะเลไม่ลึก สามารถลงเล่นน้ำได้ บริเวณชายหาดเป็นทิวสนร่มรื่น เหมาะสำหรับพักผ่อนหลังจากชมพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแล้ว
พระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงคำนวณไว้ว่าวันอังคาร เดือน10ขึ้น1ค่ำปีมะโรงจ.ศ.1230 ( ตรงกับวันที่18 ส.ค.2411 ) ระหว่างเวลา11นาฬิกา20นาที ถึง11นาฬิกา36นาที 20วินาทีจะเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงและจะมองเห็นได้ชัดเจนจากบ้านหว้ากอ ผลปรากฏว่าได้เกิดสุริยุปราคาตรงกับที่ทรงคำนวณไว้พอดี นับเป็นพระปรีชาสามารถของพระองค์ ที่แสดงให้วงการดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์ทั่วโลกได้ประจักษ์ เนื่องจากพระองค์ทรงนำหลักการทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้ในเมืองไทยเป็นครั้งแรก รัฐบาลจึงถวายพระสมัญญานามให้พระองค์เป็นพระบิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย และให้วันที่ 18 ส.ค. ของทุกปี ถือเป็นวันวิทยาศาสตร์ไทย